ทะลุเป้า 8 แสนคัน
![]() |
รถคันแรก |
ล่าสุด "สมชาย พูลสวัสดิ์" อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เข้ามาขอยื่นใช้สิทธิ์แล้วถึง 700,000 คัน คิดเป็นเม็ดเงินคืนภาษีที่รัฐบาลต้องจ่ายคืน 50,000 ล้านบาท แถมเชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือจากนี้ ยอดผู้ใช้สิทธิ์จะทะยานไปแตะ 800,000 คัน
เรียกได้ว่านโยบายนี้ได้รับการตอบรับจาก "ประชาชน" ผู้นิยมเกินคาด เดิมรัฐบาลเชื่อว่าหลังจากประกาศนโยบายนี้ออกมา วางเป้าหมายว่าจะมีผู้ขอรับการใช้สิทธิ์เพียงแค่ 500,000 คัน หรือคิดเป็นเม็ดเงินคืนภาษีเพียง 30,000 ล้านบาทเท่านั้น
ปลดล็อก...เวลา
แม้ว่าช่วงแรกของการประกาศใช้นโยบายในช่วงเดือนกันยายน2554 ที่ผ่านมา ภาพความชัดเจนทั้งตัวเงื่อนไข ข้อกำหนดต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจน ประกอบกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติ ทำให้ตลาดรถยนต์อยู่ในภาวะสุญญากาศ ทำให้โครงการนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
แต่หลังรัฐบาลประกาศปลดล็อกเงื่อนไข ช่วงเวลาในการส่งมอบรถออกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแต่ให้ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องดำเนินการจองและยื่นเอกสาร เพื่อขอรับสิทธิ์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555
ส่งผลให้เกิดความคึกคักจากบรรดาค่ายรถยนต์ทันที ร่วมทั้งลูกค้าผู้มีสิทธิ์ ต่างไขว่คว้า เพื่อขอใช้สิทธิ์ที่พึงมี หรือใครไม่เข้าสิทธิ์ ต่างไข่วคว้า หยิบยืมสิทธิ์จากพ่อ แม่ พี่ น้อง ลุงป้า น้า อามาใช้ ทำให้วันนี้มียอดจอง แรงซื้อโหมกระหน่ำ
เสียงสะท้อนตลาดบิดเบือน
จะเห็นว่าในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา บรรดาค่ายรถยนต์ต่างมียอดขายทำลายสถิติเท่าที่เคยมีมาอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนคาดการณ์ว่าปีนี้ยอดขายที่ระดับ 1.4 ล้านคันน่าจะมีให้เห็น ภาพของความพยายามกระตุ้นตลาดเพื่อดึงเอายอดจองและยอดขายเข้าไปตุนไว้ในมือของตัวเองให้มากที่สุดของค่ายรถยนต์ต่างๆ เริ่มปรากฏ รถบางรุ่น บางยี่ห้อ จองวันนี้ต้องรอคิวรับรถยาวไปถึงกลางปีหน้าก็มี จนกระทั่งผู้คนในวงการเริ่มหวั่นว่าตลาดรถยนต์ในปีหน้าอาจจะได้รับผลกระทบ
แต่นั่นก็เป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบาเท่านั้น เพราะนาทีนั้นคงต้องปล่อยให้กลไกของตลาดสำแดงออกมาอย่างเต็มที่
ขยายเวลาบริการ
นอกจากนี้ในส่วนของประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ยิ่งเข้าช่วงโค้งสุดท้าย...ของโครงการในวันที่ 31 ธ.ค. 255 นี้ แม้ว่าจะมีใบจอง หรือใบส่งมอบรถอยู่ในมือแล้ว การเข้าขอใช้สิทธ์เองนั้น ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้จบภายในวันเดียว
เพราะแม้ว่าผู้ขอใช้สิทธิ์จะได้เตรียมเอกสารครบชุด พร้อมยื่นขอคืนเงิน เริ่มจาก 1.คำขอใช้สิทธิ์ 2.บัตรประจำตัวประชาชน 3.สำเนาทะเบียนบ้าน 4.สัญญาเช่าซื้อ 5.สำเนาคู่มือจดทะเบียน 6.หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอน 7.ใบเสร็จรับเงิน 8.เอกสารการส่งมอบรถ 9.หน้าสมุดบัญชีฝากเงินธนาคาร และ 10.เอกสารการจองรถยนต์
แต่สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ "บัตรคิว" เพื่อขอเข้ารับบริการยื่นเอกสาร ที่วันนี้หากผู้ใช้สิทธิ์แค่เตรียมเอกสารแล้วเดินเข้าไปยังสรรพสามิตพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตกรุงเทพฯแล้ว จะพบว่า ถ้าไม่มีบัตรคิว ก็ไม่มีสิทธิ์เพราะคิวการจองสิทธิ์ยื่นเอกสารนั้น บางเขตพื้นที่ ผู้มารอรับบัตรคิวต้องเข้าคิวรอกันตั้งแต่สำนักงานพื้นที่ยังไม่เปิดให้บริการ บางแห่งคนมาต่อคิวรับบัตรกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อที่จะให้ได้สิทธิ์ในการยื่นเอกสารในวันนั้น ๆ
หวั่นยื่นไม่ทัน
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่สำนักงานเขตสรรพสามิตรรายหนึ่งกล่าวยอมรับว่าขณะนี้จำนวนผู้เข้าขอยื่นใช้สิทธิ์นั้นมีค่อนข้างมาก จากก่อนหน้านี้ผู้ขอรับสิทธิ์เดินเข้ามายื่นเอกสารได้เลย โดยไม่ต้องมีบัตรคิว
แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของโครงการจริง ๆ ถึงแม้ว่ากรมสรรพสามิตจะตั้งโต๊ะเพื่อให้ใช้สิทธิ์ถึง 30 โต๊ะแล้ว ก็ยังไม่สามารถรองรับผู้เข้าขอใช้สิทธิ์ได้อย่างเพียงพอ ยิ่งตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา เรียกว่าล้นหลาม
ตัวอย่างสำนักงานอาคารเล้าเป้งง้วน บนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่สามารถให้ผู้ใช้สิทธิ์เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้ว ที่นี่จะเปิดให้บริการและรองรับผู้ใช้สิทธิ์ได้ราววันละ 500 คิว ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ทำใจรอใช้สิทธ์
สำหรับอีกช่องทางหนึ่ง ที่เป็นคำแนะนำให้กับผู้ใช้สิทธิ์ ซึ่งนาทีนี้ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ตนมีชื่อมีหลักฐานว่าเป็นผู้ได้รับสิทธิ์จากโครงการรถคันแรก ซึ่งนอกจากพื้นที่การยื่นเรื่องในเขตกรุงเทพฯจะหนาแน่น หรือคิวยาวเหยียดแล้ว สามารถยื่นเรื่องยังสำนักงานในเขตพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯก็ได้ เรียกว่าได้ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
เปิดขยายเวลาให้บรการยื่นสิทธ์
ล่าสุด "สมชาย พูลสวัสดิ์" อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ออกมาประกาศว่า หลังจากมีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก กรมสรรพสามิตจึงตัดสินใจขยายเวลาทำการของเจ้าหน้ารับเรื่องดังกล่าวเป็น 07.00-20.00 น.ในวันจันทร์-ศุกร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนวันหยุดในช่วงสิ้นปี คือ 28-31 ธ.ค.นั้น อธิบดีก็สั่งลุย ให้เจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อรับเรื่องตามปกติ รวมทั้งเพิ่มจำนวนของเจ้าหน้าที่
คงจะต้องดูกันว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวนั้นจะสามารถบรรเทาความหนาแน่นในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันก่อนสิ้นสุดโครงการได้มากน้อยแค่ไหนเพราะทุกคนไม่อยากพลาดสิทธิ์ที่พึงได้อย่างแน่นอน
ส่วนคนที่ยังใจจดจ่ออยากให้เปิดบริการเพิ่มในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่เหลือของเดือนนี้
ก็น่าจะเป็นอีกทางออกที่ช่วยให้ได้สิทธิ์เร็วขึ้น